jeudi 18 août 2011

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

     จะว่าไปเราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบชื่อตัวเองมาตั้งแต่เด็กทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น โดยเฉพาะชื่อเล่นนี่เป็นเอามาก เวลาไปโรงเรียนเพื่อนก็จะชอบล้อ เวลาใครถามชื่อก็จะอายไม่อยากบอก จนวันนึงทนไม่ได้หันไปถามแม่ว่าทำไมถึงตั้งชื่อ " หมี " ให้หนู แม่ก็ขำแล้วก็บอกว่าจริงๆ แล้วชื่อหนูนะ เราก็เออ ใช่ ทุกวันนี้พ่อแม่ยังเรียกว่าอีหนูอยู่เลย ไม่เคยเรียกชื่ออื่นเลย พ่อกับแม่ตั้งชื่อ " หนู " ให้  แต่เรื่องของเรื่องทำไมถึงชื่อ " หมี " หละ

     แม่เล่าว่าตอนเกิดมาตัวดำมาก แถมขนยังยาวอีกด้วย พี่ๆ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ล้อเลียนว่าหมีมาตลอดจนกลายเป็นติดปาก ไปไหนพาไหนใครๆ ก็พากันเรียก " หมี " เราก็คิดในใจแล้วพ่อกับแม่ทำไมไม่บอกเขาละว่าไม่ได้ชื่อนี้ ทีฟ้า (เรยา) เขาไม่ชอบชื่อ " แขก " คนอื่นพากันเรียก แม่ยังแก้ให้เลยว่าลูกของแม่ชื่อฟ้า นะ เหอๆ พ่อแม่ปล่อยเลยตามเลย เราเลยได้ชื่อนี้มาตั้งแต่เด็ก (- -)"

     เมื่อสมัยที่ต้องเข้ามัธยมต้น ต้องย้ายโรงเรียนแล้ว เราก็บอกกับเพื่อนๆ ว่าไปอยู่โรงเรียนใหม่ให้เรียกเราว่า " สุ " นะ เพราะชื่อจริงเราคือ " สุภาพันธ์ " ก็เชยอีกอยู่ดีนะแหละ เหอๆ แต่ก็ยังดีกว่า หมี แล้วกันน่า พอเริ่มเรียนวันแรกครูก็จะให้แนะนำตัวเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น เราก็รายงานตัวเรียบร้อย พร้อมกับชื่อเล่นว่า " สุ " เพื่อนๆ จากโรงเรียนเก่าบางคนเรียนห้องเดียวกันก็แอบยิ้ม แต่ยังไงมันก็ยังไม่ชินอยู่ดี เพราะเรียก หมี มาตั้งแต่เด็กๆ จะให้มาเปลี่ยนภายในเดือน 2 เดือนก็คงเป็นไปไม่ได้ บางทีเผลอๆ เืพื่อนก็จะเรียกว่า หมี อยู่ดี พอใครหลุดเราก็จะเหวอและอายทันที กลัวเพื่อนใหม่ๆ รู้นะดิ เค้าชื่อ " สุ " นะ 55555555

     จำได้ว่าพยายามจะใช้ชื่อ " สุ " นี่อยู่หลายเดือนเหมือนกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพื่อนยังไม่ลืมชื่อเดิม จนเพื่อนใหม่ก็รู้ชื่อเดิมเราอีกด้วย จนในที่สุด หมีก็หมีวะ เฮ้ออออออออ

     หลังจากนั้นก็ใช้ชื่อนี้มาตลอด เริ่มชินและเริ่มรับได้แล้ว จนเรียนจบ ทำงาน และมีแฟน ก็ใช้ชื่อนี้มาตลอด ใครๆ ก็รู้จักเราในชื่อ " หมี " แต่ถ้าเป็นญาติผู้ใหญ่บางคนและพ่อแม่ก็ยังเรียก " อีหนู " อยู่ ก็ยังดีเน้อ

     จุดหักเหมาเป็น " มีมี่ " ก็เมื่อตอนทำงานที่ ลีเรคโกฯ นี่แหละ บริษัทนี้เป็นบริษัทฝรั่ง เพื่อนๆ ในแผนกก็มีชื่อเล่นเก๋ๆ เป็นฝรั่งกันเพราะฝรั่งมักจะออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด เรียกยาก เลยขออินเทรนด์กันนิดนึง 55555555 อย่างพี่หนึ่ง ชื่อจริงชื่อเปรมวรา ก็เป็นเปรมมี่, น้องจูน ก็เป็นจูดี้, พี่แองก็เป็นแองจี้ ใครอีกน๊า!!
อ้ออีกคนที่นึกออก น้องสาวสุดสวยแสนเก่ง น้องเจ๊ก ก็เป็นเจ๊กกี้ ส่วนเราก็เป็น มีมี่ เริ่ดดดดดดดดดคร่าาาาา

     จนมาได้เจอกับแฟนคนปัจจุบันเป็นชาวฝรั่งเศส เจอกันที่เมืองไทยนี่แหละ ฮีถูกส่งมาทำงานที่เมืองไทย 2 ปี เลยจับพลัดจับผลูได้เจอกัน ครั้งแรกที่เจอกันเราก็บอกว่าชื่อ " มีมี่ " คร่าาาาาาา ^_^  ก็ฮีเป็นฝรั่งนี่คร๊า คงออกเสียง หมี ลำบากแน่ๆ อิอิ

     แต่สำหรับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวงการ (อิอิ) ก็ยังเรียกหมีอยู่ี แต่สำหรับในวงการ (ในที่ทำงาน อิอิ) ก็จะมีทั้งคุณหมี, น้องหมี, พี่หมี และมีมี่  แล้วแต่ระดับความสำคัญ และอายุ

     และนี่ก็เป็นคำจำกัดความของ " หมี " และ " มีมี่ " พอสังเขปคะ
     ส่วน " มิดหมี " นี่ก็คือชื่อที่เราชอบคะ ดูมันเหมาะกับตัวเอง และน่ารักดี อิอิ (ความหมายเดียวกันคือ ดำมิดหมี งัยคะ)

     ส่วนชื่อจริง " สุภาพันธ์ " ชื่อนี้พ่อเป็นคนตั้งให้ ตอนเริ่มทำงานเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราไม่ชอบชื่อนี้ มันไม่เพราะ มันเชย มัน..... ฯลฯ สารพัดเหตุผล อิอิ จนเมื่อทำงานที่ลีเรคโกฯ นี่แหละ รู้สึกว่าทำไมชีวิตมันวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ซวย ไม่มีโชค ทั้งเรื่องงาน และเรื่ีองความรัก โดยเฉพาะเรื่องความรักนี่สำคัญที่สุด ก็ได้คุยกับพี่คนนึง ตอนนี้แกเป็น IT Manager แล้ว ชื่อจริงแกเพราะมาก (ซึ่งตรงกันข้ามกับอายุ 5555555) เพราะว่าอายุขนาดนี้แล้ว คนสมัยก่อนทำไมตั้งชื่อได้เพราะขนาดนี้ (อันนี้แอบคิดในใจนะคะ ถ้าพี่คนนั้นมาอ่านก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยที่แอบอ้างถึง) หุหุ

     ก็ได้ความว่าแกเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยแฟนเป็นคนหาให้ทางอินเตอร์เน็ตนี่แหละ โดยคำนวณจากชื่อ นามสกุลเอามาบวกกัน ได้ผลลัพธ์เป็นเท่าไร ก็จะตีออกมาเป็นความหมาย โห้!! นับตั้งแต่นั้นเลยคะยั้นคะยอให้พี่แกหาชื่อให้หน่อย พี่แกก็เอามาให้เลือกประมาณ 3-4 ชื่อได้ (พี่เขาคำนวณชื่อเก่า กับนามสกุลเราให้ด้วย) ปรากฎว่ากาลกิณีทั้งนั้น ไม่มีดีเลยสักอย่าง ยิ่งนามสกุลยิ่งไม่ดีใหญ่ เอ.... แล้วกว่าจะได้เปลี่ยนนามสกุลเมื่อไรกันละนี่ หุหุ งั้นขอเป็นชื่อก่อนแล้วกัน

     ชื่อที่ชอบที่สุดคือชื่อที่ใช้อยู่ปัจจุบัน " ภนิตา " ชื่อนี้ความหมายของมันคือ ผู้บอก, ผู้พูด หรือหญิงสาว แต่คำทำนายนี่ซิสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น 55555555 เพราะเขาทำนายไว้ว่า จะได้ติดต่อ ปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ เอาละว๊า เลือกชื่อนี้เลยแล้วกัน ก็สรุปหลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ก็ลาพักร้อนไปเปลี่ยนชื่อเลย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานหน้าที่การงานก็ก้าวหน้าขึ้น ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Senior Customer Service ปรับเงินเดือน (จริงๆ แล้วเป็นเพราะความสามารถล้วนๆ นี่แหละ อิอิ แต่ก็เหมาเอาว่าเพราะเปลี่ยนชื่อนี่แหละ อิอิ) ส่วนเรื่องความรักก็เหมือนจะดีขึ้นมานิดหน่อย อันนี้คงแก้ยากแล้ว เพราะแฟนเก่าเป็นคนเจ้าชู้มาก

     หลังจากนั้นอีกประมาณ 4 ปีก็ได้เจอกับแฟนคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนฝรั่งเศส (ส่วนคนเก่าก็ต้องเลิกลากันไปเพราะความเจ้าชู้ หลังจากที่คบกันมาประมาณ 7 ปีได้) คำทำนายเป็นจริงอีกเรื่องแล้ว เฮ!!

     จะว่าไปแล้วชื่อนี่สามารถทำให้คนเราเกิดความมั่นใจได้นะคะ และทำให้กล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น ถ้าเราคิดว่าเปลี่ยนแล้วเรามั่นใจ สบายใจก็เปลี่ยนไปเหอะคะ แต่ก็ต้องคอยตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตอนที่เราไปเปลี่ยนชื่อที่อำเภอหน่อยแล้วกัน เพราะเขาจะซักและบ่นเรานิดหน่อยพอเป็นพิธี (ของคนทำงานรับราชการ)  (- -)"

Aucun commentaire:

Enregistrer un commentaire