แต่ที่โรงแรมนี้ไม่มีไมโครเวฟ ไม่มีตู้เย็น ไม่มีกาต้มน้ำให้เลย ดูท่าทางจะลำบากแล้วสิในเรื่องการกิน (- -)" เรื่องใหญ่ซะด้วย คุณแฟนรู้ดีเพราะฮีมาพักที่นี่หลายครั้งแล้ว จนตอนนี้เป็นลูกค้า VIP ไปแล้ว พอภรรยาต้องติดตามมาด้วย ฮีเลยเตรียมกาต้มน้ำ และหม้อหุงข้าวมาให้ด้วย เราก็เตรียมน้ำพริกมา 2 กระปุก ส่วนไข่ต้มไปหาเอาข้างหน้า หุหุ (โชคดีที่โรงแรม BF มีไข่ต้มด้วย เสร็จโจร.... อิอิ)
วันแรกที่มาถึงประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ คุณแฟนมาส่งเราที่โรงแรมเรียบร้อย ฮีก็เตรียมตัวไปทำงานต่อ (ตอนบ่าย 3 เนี่ยนะ!!) ฮึ ถ้าเป็นคนไทย (อย่างเรา) อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปทำงาน ขอพักผ่อนก่อน ข้ออ้างเยอะก็งี้
หลังจากนั้นเราก็เตรียมกระเป๋า ออกไปสำรวจเมืองรอบๆ ตามลำพัง (ไม่เคยกลัวไรอยู่แล้ว ชิ)
OMG!! มันสวยมว๊ากกกกกกกก สวยกว่าเมืองที่เราอยู่ที่ฝรั่งเศสอีก กลับมาเลยเปิด google ดู ปรากฎว่าเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองมรดกโลกของเยอรมันเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวเยอะมาก เอาไว้จะเอารูปมาลงให้ดูนะคะ
ที่เมืองนี้มีร้านขายของเอเซียอยู่หลายร้าน แต่ร้านที่จะแนะนำนี้เป็นร้านของคนลาว อยู่ตรงสามแยกไฟแดงตรง Center แหล่ง shopping ของเมืองนี้พอดี จะมีของขายเยอะหน่อย ร้านใหญ่ และมีสินค้าจากเมืองไทยเยอะเลย บางอย่างที่ฝรั่งเศสไม่มีด้วย เช่น น้ำจิ้มบ๊วย, จิ๊กโฉ่ว, น้ำพริกปลาร้า, น้ำพริกปลาดุก, ผักเสื้ยนดอง ฯลฯ
นี่คือร้านขายของเอเซียที่บอกคะ มีของขายเยอะ และใหญ่กว่า
ส่วนร้านนี้เล็กกว่าร้านแรกที่แนะนำไป และราคาแพงกว่านิดหน่อยคะ
และมีร้านอาหารจีนอยู่ใกล้ๆ กัน 2 ร้าน (ถัดจากโรงแรม Best Western ไปประมาณ 500 เมตร เดินไปเกือบถึงสถานีรถไฟคะ) ราคาอาหารถูกกว่าฝรั่งเศสคะ Red curry with coconut milk ข้าวราดผัดพริกแกงใส่กะทิจานละ 6.5 ยูโร แต่จานใหญ่มากคะ กับข้่าวเยอะกว่าข้าวอีก กินจนจุกกันไปข้างนึงเลย (แต่รสชาติอาจไม่แซ่บเท่าเมืองไทย เหอๆ)
หน้าตาอาหารจีนในเมืองฝรั่งเป็นเช่นนี้แหละคร่า ^_^
มาแว้ววววววววววว
ไปศึกษามาแล้วสำหรับเมืองนี้ เขาว่ากันว่า........
Bamberg เป็นหนึ่งในมรดกโลกในอาณาเขตประเทศเยอรมัน รอดพ้นจากการบอมบ์เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหวุดหวิด ดังนั้นสิ่งที่เห็นต่อไปนี้มาจากเค้าโครงเดิมเกือบทั้งหมด (อาจจะมีปรับปรุงบ้างเป็นครั้งคราว)
ฺบามแบร์ก ได้รับฉายาแบบไม่เป็นทางการว่าเป็นลิตเติ้ลเวนิส หรือ klein Venedig ในภาษาบ้านเค้า...ทั้งนี้เพราะมีบ้านชาวประมงกลุ่มนึงริมแม่น้ำ Regnitz ตั้งอยู่เรียงราย (ไม่เยอะเท่าเวนิสต้นฉบับหรอก...แต่สวยสไตล์เยอรมันเค้า)
บ้านริมน้ำที่เรียกว่า Little Venice ค่ะ ซึ่งเดิมเป็นบ้านของชาวประมง
สไตล์เวนิสฉบับย่อๆ
หน้าโบสถ์ Imperial Cathedral เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ มีเสาสี่ด้านสร้างขึ้นในปี คศ.1012 แค่ 997 ปี
View point ชมเมือง Bamberg แบบโรแมนติกๆ
ระหว่างทางขึ้นโบสถ์ มีร้านขายของน่ารักๆ เพียบเลย
ร้านนี้ขายร่ม และผ้าลูกไม้เก่าๆ สไตล์ย้อนยุค
น่ารัก ^0^
ข้างๆ โบสถ์ เดินเข้าไปตรง View point มี Rose garden และร้านเครื่องดื่มๆ อยู่ข้างใน หอมกลิ่นกุหลาบไปทั้ิงสวนเลยหละ
ระหว่างทางเดิน มีแต่ตึกสวยๆ
หิวแล้วหละ หาไรกินกันดีกว่า .....
และแล้วเราก็มาหยุดลงที่ร้านนี้ ร้านน่านั่ง คนเต็มร้านตลอดเวลา ซึ่งเราก็เดาว่าอาหารต้องอร่อยเช่นเคย
จานแรกมาแล้วคะ เป็นขาหมูเยอรมัน มาพร้อมกับมันบด ที่ไม่เหมือนมันบด เพราะมันเหนียวๆ เด้งดึ๋งๆ (ถ้าเป็นมันบดธรรมดาๆ ที่เราคุ้ยเคยจะอร่อยมากเลยคะ) แต่แฟนบอกว่านี่คือของขึ้นชื่อของทีั่นี่เหมือนกัน มาพร้อมกับผักบรอคโคลี่บด อร่อยมากคะ จานที่ 2 เป็นซอสแซส (ของขึ้นชื่อของที่นี่อีกเหมือนกัน) คุณแฟนขอแบบเบาๆ เพราะเพิ่งจะ Breakfast มาจากโรงแรมเมื่อตอนสายๆ นี่เองคะ ต่อด้วย Coca Cola mix อร่อยดีคะ เขาเอาโค้กมาผสมกับน้ำผลไม้และโซดา ซาบซ่าดีจัง | เดินให้ทั่วเลยคะ นี่เปรียบเสมือนประตูชัยของเขา มุมเท่ห์ๆ สะพานที่มีอาคารตั้งอยู่ด้วย อย่างที่รู้ๆ กันอยู่มาเยอรมัน สิ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือเบียร์ เราลองมาแล้ว อร่อยจริงๆ ถูกด้วย แก้วขนาดนี้แค่ 2 ยูโรกว่าๆ ส่วนอาหารก็จะเป็นซอสแซส และขาหมูเยอรมัน เมนูนี้สำหรับคนไม่กลัวอ้วนนะคะ มาถึงแล้วตองลองคะ และอีกอย่างที่อยากจะพูดถึงคือคนที่นี่จะเคารพกฎจราจรกันมาก (ในแง่ของการเดินข้ามถนนนะคะ) ถ้ายังไม่ใช่ไฟเขียวสำหรับคนข้ามถนน เขาจะไม่ข้ามกันเด็ดขาด ต้องรอจนสัญญาณไฟเขียวคะ เราเคยแล้ว ด้วยความไม่รู้และเพิ่งมาครั้งแรก ก็มันไม่มีรถเลยสักคัน เราก็มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลังแล้ว ไม่มีรถเลยสักคัน เลยข้าม (ติดนิสัยมาจากบ้านเรา 555555) ปรากฎว่ากลายเป็นตัวประหลาดไปเลยคะ หันไปมองข้างหลัง อ้าว!! ทำไมเขาไม่เดินตามมา แถมมีสายตาเหยียดหยามตามมาอีกต่างหาก เยอรมัน... คนที่นี่นิยมขี่จักรยานกันมากถึงมากที่สุดเลยคะ แทบจะไม่มีมอเตอร์ไซด์เลยก็ว่าได้ เขาจะทำถนนไว้ให้ัจักรยานโดยเฉพาะเลยคะ 1 เลนส์ ขี่จักรยานที่นี่สบายใจได้คะว่าปลอดภัย 100% และสิ่งที่คนเดินถนนต้องระวังเป็นพิเศษ คือจักรยานคะ (ปกติที่เมืองไทยเราต้องคอยหลบมอเตอร์ไซด์ แต่อยู่ที่นี่อาจโดนจักรยานชนได้ ^_* อิอิ) ขวดน้ำพลาสติก, ขวดน้ำอัดลม ที่นี่มีค่านะคะ ทานเสร็จแล้วอย่าเผลอไปทิ้งเด็ดขาด สามารถไปแลกเป็นเงินคืนได้คะ 0.15 Euro แต่้ถ้าเป็นขวดใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ 0.25 Euro และขวดเบียร์ 0.08 Euro เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่ เก่าแก่จริงๆ คะ แม้กระทั่งร้านรวงต่างๆ เช่น ร้านขายเสื้อผ้า, รองเท้า, ร้านขายของที่ระลึก หรือร้านอาหารบางร้าน ก็ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ไว้อย่างดี จะสังเกตได้ว่าร้านขายเสื้อผ้าที่นี่หลายร้าน มีเสื้อผ้าเก่าๆ สมัยเมื่อคุณแม่สาวๆ ขายเยอะมาก และหาง่ายมากเลยคะ ก็เลยแอบถามคุณแฟนว่าเขาขายได้ด้วยเหรอเสื้อผ้าแบบนี้ แฟนบอกว่าขายได้เฉพาะคนที่ทำงานร้านอาหาร เพราะร้านอาหารบางร้านก็ให้พนักงานเสริ์ฟใส่แบบนี้กัน เด๋วมีภาพมาฝากคะ แต่ถ้าคุณต้องการมา shopping ขอบอกว่าเมืองนี้ไม่เหมาะแก่การ shopping เ้ลยคะ จะมีเบรนด์ที่พอจะใส่ได้หน่อยก็ H&M และก็ Pimky ที่วัยรุ่นนิยมเข้ากัน (ที่ฝรั่งเศสนะคะ) แต่ไม่มี Zara เบรนด์สุดเลิฟของเรา ฮือๆ นี่คะ พนักงานเสิร์ฟของร้านนี้ก็ใส่ เป็นงัยมั่งคะ ^_^ มีอีกหนึ่งอย่างคะ อินเทรนด์สุดๆ เคยเห็นแต่ที่เกาหลี ไม่คิดว่ายุโรปก็จะฮอตฮิตกะเขาเหมือนกัน กุญแจคะ คู่รัก (วัยรุ่น) ที่นี่จะเขียนชื่อตัวและแฟนลงไปที่แม่กุญแจ แล้วเอามาแขวนกับสะพานข้ามมแม่น้ำ ระหว่างทางที่จะเดินไปในเมือง คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าคงจะล้นสะพานนี้คะ แต่คุณแฟนกลับบอกว่าไม่แน่ เพราะเทศบาลที่นี่อาจมาตัดออกไปก่ีอนก็ได้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เอาเป็นว่าใครที่มีโอกาศได้มาเที่ยวที่นี่ฝาก up date ให้ด้วยนะคะ ^_^ |
อีกไม่นานเอ้จะไปบ้าง อิอิ
RépondreSupprimerมาเลยคุณเอ้ สวยจริงๆ นะ
RépondreSupprimerเด๋วจะชวนแฟนไปเมืองตุลุสเหมียนกัน ขอที่พักและอาหารอร่อยๆ ด้วยได้มั้ยอ่า เหอๆ