jeudi 13 octobre 2011

เก็บตกจากห้องเรียน

เกิดเป็นคนไทยนี่ประเสริฐที่สุดแล้วจริงๆ คนไทยเรามีความเคารพ มีความเกรงใจ มีมารยาท ที่พูดแบบนี้เพราะว่าได้เจอมากับตัวเอง ตอนที่ได้มาเรียนภาษานี่แหละคะ ที่นี่เป็นแหล่งรวมคนต่างชาติจริงๆ (เพราะคนฝรั่งเศสคงไม่มาเรียนภาษาฝรั่งเศสกันหรอก จริงปะ หุหุ)

สถานที่เราไปเรียนนี่จะเป็นสถานที่สำหรับคนที่แต่งงานกับคนฝรั่งเศส หรือคนที่มีความจำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่ มาทำงาน หรืออะไรก็ตามที่ต้องอาศัยแบบยาวนาน หรือถาวร เหมือนเป็นการบังคับว่าถ้าคุณมาอาัศัยอยู่ที่นี่แล้ว คุณจำเป็นต้องพูดฝรั่งเศสให้ได้ ถ้าคิดจะขอสัญชาตินี่ต้องอ่านออก เขียนได้ พูดชัดเจน และต้องมีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับฝรั่งเศสเป็นอย่างดี รัฐบาลเขาจะมีีครอสเรียนภาษาให้เราฟรี ประมาณคนละ 252 ชั่วโมง (ณ. ปี 2011 นะคะ รุ่นก่อนหน้านี้เห็นเขาว่า 400 ชั่วโมงเลยทีเีดียว) แต่หลังจากนั้นคุณต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว สำหรับเราหมายมั่นไว้แล้วว่าต้องเสียตังค์ไปเรียนในมหาลัยฯ แน่ๆ เพราะตอนนี้เรียนมาเดือนนึงแล้ว ยังพูดติดๆ ขัดๆ อยู่เลย  แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก อ่านแล้วเข้าใจ ออกเสียงเริ่มจะได้บ้าง

ส่วนคนที่มาเรียนส่วนมากจะเป็นพวกคนตุรกี (ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Turque), แอลจิเรีย (ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Algeric) โคโซโว, โปรตุเกต คนพวกนี้ส่วนมากอพยพมาหางานทำ เพราะรัฐบาลที่นี่ค่อนเข้างเลี้ยงดูดี และก็จะมีคนเอเซียบางส่วน ส่วนมากผู้หญิงเอเซียที่มาอยู่ที่นี่เพราะแต่งงานกัีบคนฝรั่งเศส ห้องเรามีคนจีนด้วย 1 คน คนเขมร 1 คน แต่คนเขมรคนนี้น่าสงสารมาก เขาย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ คิดว่าสามีน่าจะเป็นคนอพยพมาอยู่นานแล้ว เพราะแกพูดฝรั่งเศสได้คล่องเลยทีเดียว แกมีลูกน้อยน่ารักมากคนนึง น่าจะขวบนึงได้ แต่ภรรยาพูด, อ่าน, เขียน และฟังไม่ได้เลย เขาได้มาอยู่ห้องเดียวกับเรา เพราะว่าห้องเรานี่คิดว่าคงเป็น Level 0 เลย เพราะเราก็พูดไม่ได้เช่นกัน แต่อาศัยว่าพอได้ภาษาอังกฤษบ้าง บวกกับเรียนจบ ป.ตรี ทำให้ง่ายขึ้น (แต่ความจริงง่ายมากๆ เลย เวลาทำแบบฝึกหัดเสร็จก่อนเพื่อนทุกครั้ง แต่ให้พูดพูดไม่ได้ซะงั้น) แต่พี่คนเขมรคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย ทำให้ไม่มีใครสามารถอธิบาย หรือช่วยเหลือเขาได้เวลาที่ครูถาม ตลอดเวลา 4 ชั่วโมงในห้องเรียน แกคิ้วขมวดตลอด และไม่เคยทำแบบฝึกหัดเลย เพราะทำไม่ได้ เรียนได้สัก 2 อาทิตย์ครูก็ให้ย้ายห้องไปอยู่ห้องอื่น

แต่จะมีคนบางกลุ่มที่เราจะเอ่ยถึงนี้ (อย่าว่านินทาเลยนะ เอาเป็นว่ายกตัวอย่างให้ฟังแล้วกิน คริคริ) ชีเป็นผู้หญิงอ้วน (อ้วนมาก) คนนึงเป็นคนแอลจิเรียนี่แหละ แกจะโพกหัวเหมือนพวกอิสลาม ใส่กระโปรงยาว เสื้อแขนยาว จะชอบหัวเราะเยาะพี่เขมรคนนี้เวลาที่ครูถามแล้วแกพูดไม่ได้ แกตอบได้คำเดียวว่า " Oui " ทั้งๆ ที่ไม่ตรงคำถาม (เข้าใจใช่ป่าวคะ เหมือนกะว่าถามอะไรกรูไม่รู้เรื่อง ก็ตอบใช่ไว้ก่อน ประมาณนั้น) แกหัวเราะแบบว่าดังมาก แบบไม่มีมารยาท และไม่คิดว่าคนที่ถูกหัวเราะเยาะเขาจะอายแค่ไหน หัวเราะไม่่พอ ยังหันไปชวนเพื่อนหัวเราะตามด้วย แต่ก็ยอมรับว่าเขาพูดได้เยอะกว่าเรามาก ก็เก่งแหละ แต่ควรจะมีความเกรงใจกันมั่ง ยังไม่จบแค่นั้นนะ หุหุ คือเวลาเริ่มเรียน 8.30 น. แต่แกจะมาตอน 9.00 น. หรือ 9.30 ทุกวัน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าครูทำไมไม่เคยว่าเลย แต่คนอื่นเวลาที่มาสายสัก 20 นาทีก็จะถูกตำหนิแล้ว เท่านั้นยังไม่พอคร่า.....

เวลาเบรค 30 นาที ทุุกคนก็จะออกไปนั่งตากแดดข้างนอกกัน ไปกินขนมกันมั่ง เข้าห้องน้ำกันมั่ง แต่ชีจะไม่ไปไหนทั้งสิ้นเลยคร่า จะนั่งเม้าท์กะเพื่อนๆ ชาติเดียวกันเสียงดังลั่นห้อง แบบไม่เกรงใจใคร (อีกเหมือนเคย) แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เพราะนอกเวลาเรียน

แต่พอเริ่มเรียนไปสักครึ่งชั่วโมง ชีจะลุกแระ ไปเข้าห้องน้ำมั่ง ไปข้างนอกมั่ง เป็นอย่างนี้ทุกวัน (น่าเบื่อมั้ยหละ เห็นแล้วมันแบบว่าหงุดหงิด)

แล้วเวลาทำแบบฝึกหัด ถ้าชีทำเสร็จเมื่อไรชีจะต้องเรียกครูมาดู ว่านี่นะฉันทำเสร็จแล้่วนะ เก่งมั้ย (แบบว่าอยากให้ครูชมอะ)

ในห้องเรียนมีนักเรียนประมาณ 14 คน แต่จะมีอยู่ประมาณ 2-3 คนที่มีปัญหาตลอด

ส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นชาติเดียวกัน เพราะเห็นส่งภาษากันอยู่ คนนี้มาเรียนที่หลังคนอื่นประมาณ 2 อาทิตย์ได้ อายุประมาณ 20 ต้นๆ วันแรกที่มาเรียน คุณสามีจะพามาส่งถึงห้องเรียนเลย แนะนำตัวกับอาจารย์ให้เสร็จเรียบร้อย (สามีแกตัวอ้วนๆ บุคลลิกลักษณะถ้าเป็นคนไทย จะพูดว่า " กุ๊ย " อะ (คงไม่แรงไปนะ เหอๆ) พูดจาเสียงดัง แต่งตัวแบบนั้นแหละ และทุกครั้งที่มาส่งจะเข้ามานั่งอยู่บนหัวโต๊ะเพื่อคุยเป็นเพื่อนภรรยาจนกว่าครูจะเข้ามาแล้วฮีถึงจะกลับ (อืม ช่างเป็นสามีที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง)

วันแรกชีมาสาย ไม่มีที่ว่าง พอดีโต๊ะข้างๆ เราว่างอยู่ เราเลยเคลียร์พื้นที่ให้เขานั่งด้วย ตอนแรกเราก็ยิ้มทักทายเขาดีอยู่ แต่สักพักนึงคะ ชีเริ่มเขยิบเข้ามา เขยิบเข้ามา (เหมือนชีจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ เหมือนกะว่าอากาศหนาวซะจริงอยากหาความอบอุ่นประมาณนั้น) จนยิ่งหนักเข้าจนเราทนไม่ไหว พยายามจะทำให้รู้ตัว ชีก็ไม่ยักจะรู้แฮะ จนในที่สุด (โต๊ะของเรา) ก็กลายเป็นของชีไปแล้ว 80% จนเราต้องเขาขาค่อมกับขาโต๊ะไว้ข้างนึง ช่างน่าเศร้าซะจริงๆ โต๊ะเราแท้ๆ อุตส่าห์ใจดียกกระเป๋าออกให้นั่ง ในที่สุดอิชั้นก็ทนไม่ไหวคร่า ยกกระเป๋าและสัมภาระอุปกรณ์การเรียนเขยิบมานั่งอีกโต๊ะนึงข้างๆ กะพี่ผู้ชายชาวตุรกี แต่ชีก็ยังไม่รู้ตัวอีกว่าเราย้ายมานั่งอีกโต๊ะนึงแล้ว ก็ได้แต่เหล่ไปมอง เห็นชีครอบครองโต๊ะอย่างสบายใจ เฮ้อ...... ผ่่านไป 20 นาทีชีถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้นั่งอยู่คนเดียว (บนโต๊ะของเรา) ชีก็ทำตาโต ว่า โอวแม่เจ้า เพราะแดดมันส่งตา เราถึงได้ย้ายไปนั่งอีกโต๊ะนึง เวงกำ !!  อยากจะร้องเพลง " ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย.... ในความคุ้นเคยกันอยู่ บลาบลา)

หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็พยายามหลีกเลี่ยง นั่งให้ห่างเขาตลอด แต่เหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะวันรุ่งขึ้นชีมาเช้ากว่าเรา และเลือกไปนั่งแทนที่หญิงสาวชาวจีนแทน แป่วววววว (- -)" และก็ยึดฝั่งนั้นมาตลอด

แต่เรื่องมันไม่จบเพียงแค่นั้นนะคะคุณผู้ชม ชีเป็นคนพูด โต้ตอบ สนทนากับอาจารย์ได้ดีเลยทีเดียว แต่เวลาให้ทำแบบฝึกหัด ชีกลับทำไม่ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าเพราะอ่านหนังสือไม่ออก หรือเขียนไม่ได้ หรือไม่ได้เรียนหนังสือมา  แต่สมัยนี้เกือบทุกประเทศก็จะมีหลักสูตรภาษาอังกฤษสอนด้วยทุกที่ไม่ใช่เหรอ ? เวลาทำแบบฝึกหัด (วันแรก) ชีจะหยิบแบบฝึกหัดของเราไปลอกทั้งแผ่นเลยคร่า และจะหันมาถามว่า Tu comprends.? (ขออภ้ยถ้าเขียนผิดนะคะ เพิ่งเริ่มเรียนอะคะ ^^) แปลว่าเธอเข้าใจมั้ย เหมือนจะหาพวกว่ามีใครไม่เข้าใจเหมือนหล่อนมั่ง แต่เราก็ตอบกลับไปแบบเสียงดังฟังชัดว่า " Oui, Je comprends " ชีก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกลับไป 

ผ่านไปสัก 1 อาทิตย์ คราวนี้หนักกว่าเก่าีอีกคร่า ชีมีคำถามยอดฮิตที่จะถามครูทุกครั้งจนน่ารำคาญว่า  " Pour quoi? "  ทั้งๆ ที่คำศัพท์คำนั้นครูสอนไป 10 รอบแล้ว แต่ชีก็ไม่เคยคิดจะจำเลยสักครั้ง นึกแล้วน่าสงสารครูจริงๆ และจะมีคำถามนี้มารบกวนโสตประสาทของอิช้านทุกวัน วันละ 3-4 ครั้ง ด้วยคำศัพท์คำเดิมๆ อีกเหมือนเคย เฮ้อ.............


อีกคนนึงคะ คนนี้คนสุดท้าย เป็นคุณป้าอายุ 50 กว่าๆ น่าจะได้ เป็นคนโคโซโว หน้าตาถ้าคุณได้เห็นคุณจะนึกถึงคนที่หน้าตาขี้โกงๆ จมูกงุ้มๆ ปากแหลมๆ เวลาพูดปากจะเผยอยื่นออกมาแหลมๆ (เหมือนใครน๊า ในการ์ตูนโดราเอมอน ที่เป็นเพื่อนกับเด็กตัวอ้วนๆ หัวโจกอะ) ผิวแกจะขาวๆ ตัวอวบๆ เวลานั่งแกจะหุบขาไม่ได้เพราะหน้าท้องแกใหญ่มั่กๆ เป็นรูปสามเหลี่ยม จนมองไม่เห็นโจ๊ะโมะเลยก็ว่าได้ ป้าแกจะมึนตลอด เวลาครูให้อ่่านแกก็จะพูดตามคำพูดอาจารย์ที่สั่งให้แกอ่านนะแหละ (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่แกพูดได้เยอะกว่าเราอีก) ทำให้คนอื่น รวมทั้งเจ้อ้วนนั่นด้วย ยิ่งหัวเราะเสียงดังเข้าไปใหญ่ แกจะอ่านไม่ค่อยออก ทำแบบฝึกหัดไม่ได้เลย ไม่เข้าใจ อาจารย์เฉลยบนกระดาน ก็เหมือนแกจะไม่รู้อีกเหมือนกันว่านี่คำเฉลย เวลาให้จดแกก็จะไปจดบนกระดาษที่อาจารย์แจกให้ทำแบบฝึกหัด เวลาถามคำถามที่เพิ่งเรียนไปเมื่อต้นชั่วโมง แกก็ตอบไม่ได้แล้ว แกก็จะบอกครูว่า ฉันไม่รู้ เวลาให้ฟังเทป ห้ามพูด ให้ทุกคนใช้สมาธิฟัง แกก็จะพูดตามที่เทปพูด อืมมมมม มึนได้อีกนะป้า เห็นแกแล้วก็เริ่มจะมึนตามเหมือนกัน 55555555 


ป้าแกจะมีเพื่อนคุยอยู่คนนึง อายุประมาณ 40 ได้ เป็นคนโปรตุเกส แต่พี่คนนี้เก่งแล้ว อ่านออกเขียนได้ ทำแบบฝึกหัดได้ เก่งเลยแหละ จนได้เลื่อนชั้นไปเรียนอีกห้องนึงแล้วด้วย และนิสัยดีด้วย เราจะทักเขาทุกวัน และเหมือนพี่แกก็จะระอาป้าคนนี้้อยู่เหมือนกันนะ หุหุ



1 commentaire:

  1. ขออนุญาตฝากลิงค์นะคะ
    ตอนนี้คุณสามารถเล่นเกมส์คาสิโนสุดโปรด ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ !  เล่นผ่าน App บน iPad iPhone และ มือถือ ระบบ Android  ที่นี่เลยค่ะ
    https://www.999player.com

    RépondreSupprimer