samedi 28 janvier 2012

ข้าวผัดสเปน (Paella)



วันนี้แฟนอยากกิน Paella เลยจัดให้ซะหน่อย เพราะซื้อ Chorizo มานานแล้วแต่ยังไม่ได้จัดการสักที อันนี้ปกติฝรั่งเขาใช้กินเปล่าๆ เป็นอะเปราตีฟ แต่เราจะเอามาทำข้าวผัดสเปนแทน (จริงๆ แล้วมันจะมีไอ้เจ้า Chorizo ที่ใช้สำหรับทำกับข้าวเหมือนกัน) แต่วันนี้ใช้แบบนี้แทนคะ ส่วนไก่ก็ไม่ได้ใส่เพราะรู้สึกเบื่อ เพิ่งกินมาวันก่อนนี่เอง

แต่ส่วนประกอบที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ Safran (หรือเมืองไทยจะเรียกว่า หญ้าฟรั่น) ไม่งั้นมันก็จะไม่เป็นข้าวผัดสเปน แต่ที่สำคัญราคาแพงมาก ขวดนิดเดียว มีอยู่ 3 กระปุกเล็กๆ เกือบ 4 ยูโรแล้ว และอีกอย่างนึงคือ Chorizo มันจะมีรสชาติเผ็ดนิดๆ ช่วยทำให้รสชาติดีขึ้น มีกลิ่นของ Chorizo และเผ็ดนิดๆ คราวก่อนทำโดยไม่ใส่ไอ้เจ้านี่ รสชาติก็เหมือนข้าวผัดบ้านเราไม่มีผิด ฮ่าๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะทำรสชาติออกไปทางไทยนิดๆ อาจจะไม่เหมือนต้นฉบับนัก แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอน คุณแฟนบอกว่าเหมือนกินที่สเปนเลยทีเดียว

ส่วนประกอบ

1. Safran
2. Zhorizo (ลักษณะจะคล้ายๆ กุนเชียง แต่รสชาติจะออกเผ็ดนิดๆ เค็มๆ ไม่หวาน)
3. ไวน์ขาว
4. ข้าวสารสำหรับหุง
5. หอมใหญ่
6. กุ้ง
7. หอยแมลงภู่
8. น่องไก่ตุ๋นแล้ว (แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ใส่)
9. น้ำซุปไก่
10. เกลือ
11. พริกไทย
12. น้ำตาล
13. น้ำมันมะกอก
14. ถั่วลันเตา
15. พริกหวานสีแดงหั่นเต๋า

อันดับแรกนำหอมใหญ่หั่นละเอียดลงไปเจียวในกระทะที่เราใส่น้ำมันมะกอกไว้ให้หอม เสร็จแล้วนำกุ้ง, หอย, Chorizo และไก่ลงไปผัดไม่ต้องสุกมาก เพราะว่าเราต้องหุงข้าวในกระทะอีกประมาณ 30 นาที
หลังจากนั้นใส่ถั่วลันเตา และพริกหวานลงไปผัดรวมกัน
นำ Safron ใส่ลงไปในน้ำซุปไก่ที่เราต้มไว้แล้ว (ปริมาณน้ำซุป 2 กระป๋องครึ่ง โดยตวงจากกระป๋องที่ใช้หุงข้าว) คนให้ละลาย น้ำจะเป็นสีเหลือง
หลังจากนั้นนำข้าวสาร 2 กระป๋อง ลงไปผัดในกระทะ เติมเกลือ พริกไทย น้ำตาลลงไป ตอนนี้เราก็ชิมรสว่าโอเคหรือยัง หลังจากนั้นใส่ไวน์ขาวลงไปนิดหน่อย


นี่คือ Safran และไวน์ขาว

ส่วนนี่คือ Chorizo ที่ว่า


ผัดให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำฝามาปิด หุงต่อไปอีก 30 นาที ใช้ไฟปานกลาง ไม่อย่างนั้นข้าวจะไหม้ได้ หรืออาจจะนำไปหุงในหม้อหุงข้าวก็ได้เหมือนกันคะ


เสร็จแล้วคะ ง่ายมาก หลังจากนั้นก็นำมะนาวฝานมาตกแต่งจานให้สวย
(แต่วันนี้ตกแต่งไม่ค่อยสวยเท่าไร ฮ่าๆ) และเวลาทานก็บีบมะนาวลงไปด้วย อร่อยคะ ^^


เวลาไปทานที่ร้านอาหาร เขาจะเสริ์ฟในกระทะร้อนมาเลยคะ




lundi 9 janvier 2012

ข้าวคลุกกะปิ



จริงๆ ทำไว้นานแล้วและหลายครั้งด้วย แต่ยังไม่ได้เขียน มันเป็นอาหารที่ทำง่ายมาก และไม่มีอะไรยุ่งยากเท่าไร ตอนเด็กๆ เคยกินข้าวคลุกกะปิ (คลุกกะปิจริงๆ แบบเอากะปิมาคลุกกับข้าว แล้วหั่นพริกขี้หนูใส่ลงไป แค่นี้แหละกินได้แล้ว ฮ่าๆ) แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็จะรู้จักข้าวคลุกกะปิอีกแนวหนึ่ง ที่เราหาซื้อกินได้ไม่ยาก และทำได้ไม่ยากอีกเช่นกัน

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. ข้าวสวย
2. กระปิอย่างดี
3. หมูสามชั้นหรือหมูเนื้อแดงก็ได้คะ
4. ไข่ไก่
5. มะม่วงเปรี้ยว (แต่มิดหมีใช้แอปเปิ้ลเขียวแทนคะ เพราะหามะม่วงเปรี้ยวยากและแพง)
6. ถั่วฝักยาว
7. พริกขี้หนู
8. หอมแดง
9. น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลมะพร้าว
10. ซีอิ้วดำ
11. ซีอิ้วขาว
12. น้ำปลา
13. พริกไทย

มิดหมีจะนำกะปิผสมน้ำนิดหน่อยคะ ให้มันละลายเสร็จแล้วจึงนำกระทะตั้งไฟใส่หอมเจียวลงไปพอหอม สักพักก็นำกะปิที่ละลายน้ำลงไปผัดให้หอมแล้วจึงใส่ข้าวสวยลงไป (ข้าวสวยควรจะเป็นข้าวที่เย็นแล้ว มิดหมีว่าข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จจะแฉะไปนะคะ) ผัดให้เข้ากันจนเป็นสีสวยแล้วจึงเอาไปพักไว้ มิดหมีไม่เติมน้ำปลาอีก เพราะกะปิที่ใช้ค่อนข้างเค็มอยู่แล้ว และไม่ได้เติมน้ำตาลเนื่องจากเราจะได้ความหวานจากหมูหวานแล้ว

หลังจากนั้นก็มาทำหมูหวาน จะใช้หอมเจียวลงไปเจียวให้หอมก่อนแล้วนำหมูลงไปผัด ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว 1 ฝา (ที่นี่จะหาน้ำตาลมะพร้าวง่ายกว่าน้ำตาลปี๊บนะคะ) เคี่ยวไปเรื่อยๆ เติมน้ำลงไปนิดนึงให้ขลุกขลิกนะคะ ใส่ซีอิ้วขาว  เติมน้ำปลานิดนึงให้รสชาติออกหวานเค็มนิดๆ เคี่ยวจนสีสวยเสร็จแล้วโรยพริกไทย นำมาพักไว้

ขั้นตอนต่อไปก็ทำไข่ฝอยคะ เจียวเหมือนเจียวไข่เลยคะ แต่ให้มันบางๆ ไว้ เสร็จแล้วนำมาหั่นเป็นฝอยๆ

มิดหมีใช้แอ๊ปเปิ้ลเขียวแทนมะม่วงเปรี้ยวคะ รสชาติเปรี้ยวใช้ได้เลย เพราะที่นี่ค่อนข้างหามะม่วงเปรี้ยวยาก และราคาแพงมาก ที่เมืองนี้มีขายอยู่ นำเข้าจากเมืองไทยเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ แต่กิโลละ 11.99 ยูโร คิดเป็นเงินไทยก็เกือบ 480 บาท ฉะนั้นก็กินแอ๊ปเปิ้ลเขียวแทนดีกว่า หุหุ นำมาล้างปลอกเปลือกแล้วซอยเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนสับมะละกอนะคะ หลังจากนั้นนำหอมแดง พริกขี้หนู, และถั่วฝักยาวมาซอยละเอียด

ถ้ามีกุนเชียงก็ใส่กุนเชียงด้วย แต่เป็นที่รู้กันว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ฮ่าๆ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้ใส่

เสร็จเรียบร้อยแล้วคะ จัดจานให้สวยงาม

ปล. ไม่ได้บอกปริมาณว่าต้องใช้อะไรเท่าไร เพราะปกติจะกะเอาและชิมไปเรื่อยๆ ถ้าทำบ่อยๆ มันจะชินมือไปเองคะ ว่าต้องใส่อะไรแค่ไหน ลองดูนะคะ ^^


ไส้กรอกอีสาน







ครั้งนี้ภูมิใจมากเลยคะ หลังจากที่ครั้งแรกไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต้องขอขอบคุณพี่เจ็ง แม่บ้านที่มาอยู่ฝรั่งเศส เพราะติดตามสามีมาทำงาน เป็นผู้ถ่ายทอดวิชา และแนะนำนับเคล็ดลับให้ บวกกับบางสิ่งบางอย่างปรับเปลี่ยนเอาตามความชอบ และศึกษาในแว็ปคนรักอาหารหลายๆ แว็ป ต้องขอขอบคุณอีกครั้งคะ _/\_

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. หมูบด 1/2 กิโลกรัม
2. ข้าวเหนียวหุงสุก (หรือข้าวสวย) 3 ขีด
3. กระเทียมสับละเอียด 1 หัว
4. พริกไทยบดพอหยาบ 10-15 เม็ด
5. ผงทำแหนม Lobo 1 ห่อ
6. ไส้หมู
7. เชือกสำหรับมัด

ก่อนอื่นก็นำไส้หมูมาล้างให้สะอาด โดยเปิดก๊อกแล้วให้น้ำไหลผ่านหลายๆ รอบ (ที่นี่เขาจะหมักเกลือไว้ มันจะเก็บไว้ได้นานหลายเดือนเลย ซื้อครั้งนึงก็ใช้ได้เป็นปี ซื้อมา 320 กรัมประมาณ 7 ยูโร)



สับกระเทียมให้ละเอียด ส่วนพริกไทยก็นำมาบดหยาบๆ ครั้งแรกใช้พริกไทยป่นแล้วมาทำ มันจะไม่หอมเหมือนเรานำมาบดเอง เวลากินจะได้รสชาติของพริกไทยด้วย

หลังจากนั้นนำกระเที่ยมกับพริกไทยลงมาผสมกับหมูที่เราเตรียมไว้ ใส่ผงแหนมโลโบลงไปด้วย (ในผงทำแหนม มันจะมีเกลือแหนมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องใส่เกลืออีก) ปล. ที่ใช้ผงแหนมเพราะว่ามันจะเปรี้ยวเร็วมาก แค่คืนเดียวก็กินได้แล้ว และรสชาติก็อร่อยด้วย แต่ครั้งแรกที่เราทำไม่ได้ใส่ผงแหนม เก็บไว้ 3 วันยังไม่เปรี้ยวเลย คราวนี้เลยใช้ผงแหนมช่วย ปรากฎว่าติดใจเลย หลังจากนั้นก็ใส่ข้าวเหนียว (หรือข้าวจ้าวหุงสุก) ลงไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน (ครั้งแรกเราใช้ข้าวสวย แต่ครั้งนี้ลองใช้ข้าวเหนียวดู รู้สึกว่ามันจะนุ่มกว่าข้าวสวยมากเลย)


อันนี้แบบที่ใส่ข้าวคะ

ส่วนอันนี้ใส่ทั้งข้าวและวุ้นเส้นคะ (สำหรับวุ้นเส้นแค่แช่น้ำให้นิ่มเฉยๆ คะ)
นี่คืออุปกรณ์ในการยัดไส้คะ อิอิ

ส่วนนี่คือไส้คะ

พอคลุกเคล้าจนเข้าเนื้อแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นการยัดไส้ (ปล. เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารสชาติโอเคแล้วหรือยัง เราสามารถแบ่งหมูที่เราผสมเรียบร้อยแล้วนิดหน่อยเอาไปเข้าไมโครเวฟให้สุก แล้วลองชิมดู) แต่ต้องระวังนิดนึง เพราะหมูบดที่ฝรั่งเศสส่วนมากเขาจะใส่เกลือลงไปด้วย มันจะเค็มอยู่แล้ว
วิธีการยัดไส้ ครั้งแรกที่ทำรู้สึกว่ามันลำบากมาก ยัดอยู่หลายชั่วโมงเลย ตอนแรกใช้ขวดน้ำพลาสติกมาตัดตรงปากขวดแล้วเอามาเป็นตัวช่วยในการยัด (เนื่องจากไม่มีเครื่องมือช่วย อิอิ) แต่ครั้งนี้ผ่านฉลุย ใช้เวลาแป๊บเดียวคะ แถมไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยด้วย ง่ายๆ ก็คือใช้มือจับไส้ให้มันอ้าเยอะๆ แล้วก็ใช้มือนี่แหละจับหมูยัดลงไป แต่ไม่ต้องใส่จนแน่น (คราวก่อนอีกเหมือนกัน หุหุ เราอัดจนแน่น ทำให้ไม่สามารถรัดเป็นข้อได้ เพราะแน่นเกิน คราวนี้เลยใส่แบบหลวมๆ เวลารัดแล้วมันจะเป็นข้อสวยงาม)


หลังจากนั้นก็เก็บไว้ (แค่ 1 คืนเท่านั้นสำหรับสูตรนี้นะคะ) โดยเอาไว้ข้างนอกตู้เย็นที่อุณหภูมิห้อง โดยปิดภาชนะให้สนิท แต่ถ้าไม่ใช้ผงแหนมก็เก็บไว้ประมาณ 3 วันคะ (ถ้าไม่ใช้ผงแหนม ต้องใส่เกลือลงไปด้วยนะคะ)  หลังจากนั้นมิดหมีจะเอาไปนึ่งให้เกือบสุกก่อนคะ (เพื่อความชัวร์ว่าสุกแน่ อิอิ) แต่ปกติไม่ต้องนึ่งก็ได้ แล้วแต่คนชอบนะคะ


(อันนี้เป็นรูปจากที่ทำครั้งแรก สังเกตว่ามันจะไม่เป็นข้อเท่าที่ควร เชือกมันจะรัดได้ไม่ถึงโคน มันจะเป็นกระเปาะๆ อย่างที่เห็นอะคะ เพราะใส่หมูแน่นจนเกินไป)

หลังจากนั้นก็นำไปเข้าตู้อบ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยคะ


ครั้งนี้เอาไปให้เพื่อนหลายคนลองชิมดู ปรากฎว่าผ่านคะ แม้กระทั่งแฟนยังบอกว่าอร่อยมากเลย ลองทำดูนะคะ ไม่ยากอย่างที่คิดคะ แถมสะอาดปลอดภัยด้วย พี่เจ็งที่แนะนำเคล็ดลับให้ยังบอกเลยว่ากลับไปอยู่เมืองไทยคราวนี้จะทำกินเองแล้ว ไม่กล้าซื้อกินอีกเพราะกลัวไม่สะอาด และถูกหลักอนามัย ^^

vendredi 6 janvier 2012

น้ำพริกมะม่วง



เมื่อสองวันก่อน โทรไปหาแม่ แกบอกกำลังทำกับข้าวมีน้ำพริกมะม่วงของโปรดเราด้วย อืมมมมมม พูดซะเห็นภาพ น้ำลายไหล วันรุ่งขึ้นเลยไปหาซื้อแอ๊ปเปิ้ลเขียว ซึ่งจำได้ว่าเคยซื้อมาครั้งนึงด้วยความที่ไม่รู้ พอกัดเข้าไปคำนึง โอ้โห ไม่อยากจะเอ่ย เปรี้ยวมากๆ แต่ตอนนั้นยังคิดไม่เป็น อแดพไม่ออกว่าจะทำอะไรกินได้ เลยทิ้งซะทั้งลูกเลย พออยู่ไปนานๆ เริ่มรู้แล้ว ด้วยเหตุที่ว่าซื้อของ Import จากเมืองไทยทุกอย่าง มีหวังจนแน่ๆ เลยเริ่มเอาของที่หาซื้อง่าย ราคาถูกในฝรั่งเศสมาดัดแปลงแทนของที่หาซื้อยาก และราคาแพงแทน

คราวก่อนเอาแอ๊ปเปิ้ลเขียวมาแทนมะม่วงในการทำข้าวคลุกกะปิ แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไร แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่เปรี้ยวเลย หรืออาจเป็นเพราะฤดูกาลด้วยหรือป่าวไม่รู้ เลยตัดใจซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้มา 1 ลูก เลือกขนาดย่อมๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ราคาก็ยังเกือบๆ 3 ยูโรอยู่ดี (กิโลละ 11 ยูโรกว่าๆ โอวแม่เจ้า)  แต่ในใจก็แอบเข้าข้างตัวเองว่า นานๆ ทีไม่เป็นไรหรอกน่า ฮ่าๆ

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. มะม่วงเปรี้ยว (น้ำดอกไม้)
2. พริกขี้หนู
3. กะปิ
4. น้ำตาลปี๊บ (หรือน้ำตาลทราย)
5. หอมแดง

ก่อนอื่นก็ปลอกเปลือกมะม่วงล้างให้เรียบร้อยแล้วนำมาสับ (เหมือนสับมะละกอทำส้มตำเลยคะ) ปลอกหอมแดงและพริกขี้หนูเอาใส่ครกตำพอหยาบแล้วใส่มะม่วงลงไป ตำพอหยาบ ไม่ต้องละเอียดแล้วใส่กะปิ น้ำตาลลงไป ชิมรสให้ออกเปรี้ยวหวานนำ  (ที่บ้านจะทานรสแบบนี้อะคะ) แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยคะ ง่ายมาก ทานกับปลานิลทอดร้อนๆ ผักกาดขาว ผักสดต่างๆ หรือผักลวกก็ได้ เมนูนี้ทำทีไร ทานข้าวได้เป็นกาละมังเลยคะ

ปล. ไม่ได้บอกปริมาณ เพราะมิดหมีไม่มีตำราที่ตายตัว ทำไปชิมไปคะ ค่อยๆ ใส่ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะถ้าไม่อร่อยแล้วจะแก้ยาก

เมนูนี้หลายคนอาจไม่รู้จัก เคยทำให้เพื่อนคนนึงกินเหมือนกัน เขาเป็นคนพิจิตร แกบอกไม่เคยกิน ไม่รู้จัก ฮ่าๆไม่รู้ว่าภาคอื่นๆ เขากินแบบนี้กันหรือป่าว แต่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก เด็กบางปะกงอะคะ  ^^